ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้นทุนของกิจการจริงหรือ
ภาษีขาย ไม่ใช่รายได้ของรายได้ของกิจการ
ภาษีซื้อ ก็ไม่ใช่ต้นทุนของกิจการนะคะ
ภาษีขายและภาษีซื้อ คือภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เป็นภาษีทางอ้อม ซึ่งเป็น ภาษีที่สามารถผลักไปให้กับผู้ซื้อหรือผู้บริโภคเป็นผู้จ่ายชำระแทน
เมื่อผู้จ่ายชำระคือผู้บริโภค ดังนั้น ภาษีมูลค่าเพิ่มจึงไม่ใช่ต้นทุนของกิจการแล้วหล่ะคะ
มาดูสมการง่ายๆ เพื่อให้เห็นภาพว่า กิจการไม่ได้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเลยคะ
- ภาษีขาย > ภาษีซื้อ = เงินที่เรียกเก็บจากลูกค้า > เงินที่จ่ายให้ผู้จัดจำหน่าย ผลคือ ต้องนำส่วนต่างส่งสรรพากร
นั่นหมายความว่า นำเงินที่เรียกเก็บจากลูกค้า (เฉพาะส่วนต่าง) ไปส่งสรรพากร จึงไม่ใช่เงินของกิจการและไม่ใช่ต้นทุนของกิจการ
- ภาษีซื้อ > ภาษีขาย = เงินที่จ่ายให้ผู้จัดจำหน่าย > เงินที่เรียกเก็บจากลูกค้า ผลคือ สามารถขอคืนจากสรรพากรหรือ Credit ภาษีในเดือนถัดไปได้
นั่นหมายความว่า เงินที่กิจการจ่ายซื้อสินค้าหรือบริการที่ได้จ่ายให้แก่ผู้จัดจำหน่าย (เฉพาะส่วนต่าง) สามารถขอคืนจากสรรพากร หรือยกยอดไป credit ภาษีในเดือนถัดไปได้ ดังนั้นเงินที่จ่ายไปดังกล่าวจึงไม่ใช่ต้นทุนของกิจการคะ
ข้อแนะนำสำหรับการตั้งราคาขายสินค้าหรือบริการ
การตั้งราคาขายสินค้าหรือบริการที่ดีและถูกต้อง คือ ควรตั้งให้สอดคล้องกับหลักการของภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้กิจการเองได้รับประโยชน์สูงสูด โดย
ผู้ประกอบการควรตั้งราคาขายที่ไม่รวมภาษีไว้ก่อนแล้วจึงค่อยคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม เพิ่มเข้าไปค่ะ
แล้วจะมีปัญหาเรื่องการแข่งขันด้านราคาขายกับกิจการที่ไม่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่
คำตอบคือ ใช่คะ หากเปรียบเทียบราคาขายของกิจการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มกับกิจการที่ไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม จะเห็นได้ชัดเจนว่า ราคาขายของกิจการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าเนื่องจากมี 7% แต่อย่าลืมนะคะว่ากิจการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มมีข้อดีที่มีโอกาสที่จะสามารถขยายกิจการกรณีที่มีรายได้ เกิน 1.8 ล้านบาทได้อีกเยอะเลยคะ